วิตามินมีดีกว่าที่คิด! 10 ประโยชน์ของวิตามินที่คุณควรรู้
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้จากภายใน และ “วิตามิน (Vitamin)” คือหนึ่งในตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอก หลาย ๆ คนมักจะละเลยการได้รับวิตามินไป จนทำให้ร่างกายมีอาการขาดวิตามินขึ้นมา เช่น หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ ปากแห้ง ภูมิแพ้กำเริบ ฯลฯ บทความนี้จึงจะพาคุณไปทำความรู้จัก 10 ประโยชน์ของวิตามินที่คุณควรรู้ อัปเดต 2025
1. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราทำงานได้ดีขึ้น ปลอดภัยจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ
วิตามิน C ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญที่คอยต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆวิตามิน D มีส่วนช่วยปรับสมดุลการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพวิตามิน A ช่วยดูแลเยื่อบุผิวต่าง ๆ ของเราให้แข็งแรง อย่างเยื่อบุในจมูกหรือลำคอ ซึ่งเป็นด่านแรกในการป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายวิตามิน E ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ภูมิคุ้มกันจากการถูกทำลาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงอยู่เสมอสังกะสี (Zinc) จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันหลายชนิด ช่วยเสริมสร้างการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น
2. บำรุงสายตา ลดความเสี่ยงโรคตาเสื่อม
บำรุงสายตาให้มองเห็นชัดเจน และช่วยลดความเสี่ยงของโรคตาเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น
วิตามิน A เป็นส่วนสำคัญในการสร้างเม็ดสีบนจอประสาทตา ทำให้เรามองเห็นได้ดีในที่ที่มีแสงน้อย และช่วยป้องกันภาวะตาบอดกลางคืนได้วิตามิน C และ วิตามิน E ทำงานร่วมกันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ คอยปกป้องเซลล์ดวงตาจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตาเสื่อมสภาพลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทีน (Zeaxanthin) ที่พบในผักผลไม้สีเขียวเข้มและสีเหลืองส้ม ทำหน้าที่เหมือนฟิล์มกรองแสงธรรมชาติช่วยป้องกันดวงตาจากแสงสีฟ้าที่เป็นอันตราย และลดโอกาสการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม
3. บำรุงสมองและระบบประสาท
บำรุงให้สมองและระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น คิดเร็ว ความจำแม่น และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์
วิตามิน B6 หรือไพริดอกซิน (Pyridoxine) มีส่วนช่วยในการสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และช่วยให้สมองทำงานได้ตามปกติวิตามิน B12 เป็นวิตามินที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ช่วยบำรุงรักษาระบบประสาททั้งส่วนกลางและส่วนปลายให้ทำงานได้ดี ป้องกันปัญหาปลายประสาทเสื่อมโฟเลต (Folate) ทำงานร่วมกับวิตามิน B12 ในการสร้างสารสื่อประสาท และช่วยส่งเสริมสุขภาพของเซลล์สมองและระบบประสาทโดยรวมวิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์สมองจากความเสียหาย ลดความเสื่อมของเซลล์สมอง จึงช่วยชะลอการเกิดโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้โคลีน (Choline) เป็นสารอาหารที่ช่วยให้สมองและระบบประสาททำงานได้ปกติ มีส่วนในการสร้างสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และความจำโอเมก้า-3 (Omega-3) โดยเฉพาะ DHA เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์สมอง ช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองและระบบประสาท ทั้งยังช่วยลดการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นในสมองได้อีกด้วย
4. ส่งเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญ
วิตามินบีรวม (Vitamin B Complex) ประกอบไปด้วยวิตามิน B ทั้ง 8 ชนิด ซึ่งช่วยให้ระบบเผาผลาญในร่างกายของเราทำงานได้ดีขึ้น และเปลี่ยนอาหารให้กลายเป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวิตามิน B2 (Riboflavin) และวิตามิน B3 (Niacin) ที่ช่วยในการเผาผลาญไขมัน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน จากนั้นก็เปลี่ยนให้เป็นพลังงาน
5. บำรุงเม็ดเลือด ลดอาการโลหิตจาง
บำรุงเม็ดเลือดให้สร้างได้อย่างสมบูรณ์ ป้องกันภาวะโลหิตจาง และอาการที่เกิดจากเม็ดเลือดแดงไม่พอ
ธาตุเหล็ก (Iron) เป็นส่วนประกอบหลักของเม็ดเลือดแดง ถ้าขาดธาตุเหล็กทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย ไม่มีแรงวิตามิน B12 สำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงให้มีขนาดปกติและแข็งแรงวิตามิน B9 ทำงานร่วมกับวิตามิน B12 ช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงใหม่ให้สุขภาพดีวิตามิน C แม้ไม่ได้สร้างเม็ดเลือดแดงโดยตรง แต่ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารได้ดีขึ้น ทำให้ร่างกายนำธาตุเหล็กไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
6. ดูแลสุขภาพเล็บ ผม และผิวโดยรวม
บำรุงดูแลสุขภาพเล็บ ผม และผิวพรรณให้ดูดีจากภายในสู่ภายนอก
วิตามิน C มีส่วนช่วยสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เต่งตึง นุ่มเด้งวิตามิน E ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะภายนอกและแสงแดด ทำให้ผิวดูสุขภาพดีวิตามิน A มีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสดใส และชุ่มชื้นขึ้นไบโอติน (Biotin) หรือวิตามิน B7 ช่วยบำรุงผมให้แข็งแรง เงางาม และเล็บไม่เปราะหักง่าย
7. เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง เพิ่มความแน่นของมวลกระดูก ป้องกันภาวะกระดูกพรุน ฟันไม่ผุง่าย
วิตามิน D ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมจากอาหารไปใช้สร้างกระดูกและฟันได้ดีขึ้นวิตามิน K2 มีหน้าที่นำพาแคลเซียมที่ดูดซึมมาแล้ว ให้ไปสะสมในกระดูกและฟันอย่างถูกต้องแคลเซียม (Calcium) เป็นองค์ประกอบหลักของกระดูกและฟัน พบได้ในผลิตภัณฑ์นม หรือปลากินที่กระดูกได้ฟอสฟอรัส (Phosphorus) ทำงานร่วมกับแคลเซียมในการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง และช่วยรักษาสมดุลแร่ธาตุในร่างกาย
8. ช่วยความเครียด นอนหลับสบาย
ลดความเครียด คลายความกังวล ช่วยให้จิตใจสงบ และนอนหลับสบายยิ่งขึ้น
วิตามินบีรวม หลาย ๆ ชนิดควบคุมการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยลดอาการวิตกกังวลได้แมกนีเซียม (Magnesium) ทำให้กล้ามเนื้อและระบบประสาทผ่อนคลาย และช่วยลดความตึงเครียดวิตามิน D ควบคุมสารเคมีในสมองหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น เมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับของเรา
9. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
ช่วยให้ร่างกายควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน
วิตามิน B1 ช่วยให้เซลล์นำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานอย่างเหมาะสม และรักษาให้ระดับน้ำตาลคงที่วิตามิน B6 ช่วยเร่งการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ทำให้ร่างกายจัดการกับระดับน้ำตาลได้ดีขึ้นวิตามิน D มีผลต่อการทำงานของเซลล์ตับอ่อนที่สร้างอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำตาล และช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลินได้แมกนีเซียม (Magnesium) ช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น
10. ทำให้การอักเสบในร่างกายลดลง
ลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวดบวม ช่วยลดความเครียดให้ร่างกายจากการอักเสบเรื้อรัง
วิตามิน D ช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ไม่ให้ตอบสนองรุนแรงเกินไปจนเกิดการอักเสบวิตามิน C และ วิตามิน E ช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายจากการอักเสบ ทำให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น
สรุป
ประโยชน์ของวิตามินไม่ได้มีแค่การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายของเราแข็งแรงขึ้นเท่านั้น ยังช่วยให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่ และบรรเทาอาการที่ไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ อย่างนอนไม่หลับ หรือความเครียด ได้อีกด้วย หากคุณมีอาการที่บ่งบอกว่ากำลังขาดวิตามิน แนะนำให้หาวิตามินมาทานและทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ หรือถ้าอยากเจาะลึกลงไปกว่านั้นว่าร่างกายของคุณกำลังขาดวิตามินหรือแร่ธาตุอะไรอยู่ล่ะก็ N Health ขอแนะนำแพ็กเกจตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุ โดยจะมีการรายงานผลว่าร่างกายขาดวิตามินอะไร และวิตามินที่กำลังทานอยู่เหมาะกับร่างกายหรือไม่ ซึ่งคุณสามารถนำผลที่ได้ ไปใช้เป็นแนวทางในการปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และดูแลสุขภาพในระยะยาวได้